28 พ.ค. 2553
วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันวิสาขบูชา จึงมีกิจกรรมให้ทำเยอะทั้งภายในวัดและนอกวัด เริ่มแต่เช้า ฉันเช้าเสร็จ อาจารย์เจ้าอาวาสบอกว่า จะมีรถมารับไปบิณฑบาตที่สมาคมจีน จำชื่อไม่ได้ ไปถึงที่สมาคม ผู้คนเต็มไปหมด มีพระมาถึงก่อนหกเจ็ดรูป ชาวจีนใส่บาตรกันก่อน เราไปกันสองรูปได้ปัจจัยแยะอาหารแห้ง ห้าถุงใหญ่ แสดงถึงความเจริญและความสามัคคีของชาวจีนในมาเลเซีย
มื้อเพลเป็นอาหารเจที่สมาคมจีน ข้าพเจ้าคุยกับท่านวิทยาถึงความเจริญของมาเลเซียซึ่งล้ำหน้าไทยหลายสถาน เห็นได้ง่ายจากสาธารณูปการ ถนนหนทาง ความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินของประชาชน อาจจะมีกฏหมายที่เข้มงวด บังคับใช้อย่างจริงจัง
รถพาเรามาถึงวัด ขณะแล่นเข้าสู่ภายในวัด เห็นรถหลายคันจอดอยู่ ก่อนจะไปรับบิณบาตที่สมาคมจีน 2 รูป ก็ยังสงสัยว่า ทำไมอาจารย์เจ้าวาสให้เราสองรูปไปกันเอง ทั้งที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก เพราะยังใหม่ มาอยู่แค่สี่ห้าวันเท่านั้น พอเห็นรถจอดหลายคันจึงเข้าใจทันทีว่า เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสต้องคอยต้อนรับญาติโยมที่จะมาทำบุญในวันวิสาขบูชาวันนี้
ท่านไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต เพียงสวดมนต์ไหว้พระและเวียนเทียน เท่านั้น แต่คนก็มาวัดอุดหนาฝาครั่ง รถจอดเออ กันเต็มวัด
บ่ายสอง สอนหนังสือเด็ก ๆ
ห้าโมงเย็น ทำไม้ถูพื้นอันใหญ่ เหมือนวัดป่า เอาไม้มาทำเป็นตัวที ประจวบกับเห็นพื้นที่วัดและเสนาสนะค่อนข้างกว้าง แต่ผู้ที่จะดูแลรักษาน้อย อาจารย์เจ้าอาวาสก็มิได้บอกใครทำ ใครสมัครใจทำก็ทำ ท่านขยัน สมกับเป็นสมภาร แบกรับภาระหน้าที่ทั้งวัดโดยแท้จริง ข้าพเจ้าเห็นดังนั้นจึงคิดไอเดีย ทำไม้ถูกพื้นอันใหญ่ หาไม้ ตะปู เลื่อย ก่อร่างสร้างเป็นรูปไม้ขึ้นมา ต่างคนต่างไม่ถนัดงานช่าง ท่านวิทยาอวดว่าก่อนจะบวชเคยเป็นช่าง ทำงานก่อสร้าง เรื่องพวกนี้ถนัด แต่ข้าพเจ้าอดขำไม่ได้ เพราะท่านตีตะปูไม่สมกับช่างก่อสร้างเลย คือตีถูกตีผิด ตะปูบูดเบี้ยวหลายดอก กว่าจะเสร็จแต่ละอัน
ทำไม้ถูกพื้นทั้งหมด 3 ไม้ ข้าพเจ้าเอาไปทดลองถูกพื้นโบสถ์ซึ่งมีพื้นที่กว้าง โอ่อ่า โล่งโถง ลมพัดถ่ายเทสะดวก เย็นสบาย วันนี้ตอนค่ำคนจะมาเวียนเทียนก็เลยถือโอกาสถู ทำความสะอาด
20.30น. มีชาวบ้านทั้งใกล้ ไกล มาร่วมพิธีในวันวิสาขบูชากันมาก ผิดกับที่ข้าพเจ้าคิดคาดการณ์ไว้เลย และที่สำคัญ เวลาอาจารย์เจ้าอาวาสเทศน์ชาวบ้านตั้งใจฟังมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบารมีของท่านที่สั่งสอนดี หรือประเพณีอันดีงามท้องถิ่นแถวนี้อยู่แล้ว
กว่าจะได้เวียนเทียนก็สี่ทุ่ม หรือตีสิบ (ภาษาท้องถิ่นเรียก)ชาวบ้านจึงต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
คืนนี้ บรรยากาศดี ฟ้าโปร่ง พระจันทร์เพ็ญเด่นท่ามกลางท้องฟ้าอันไร้เมฆหมอกบดบัง มีแสงดาวน้อยสรัสแซมเป็นจุดๆ
ข้าพเจ้าเดินเข้าห้อง พร้อมเอ่ยวาจาตามประสาคนไกลบ้านพลัดถิ่นว่า “ ผ่านไป อีกหนึ่งวัน”
วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันวิสาขบูชา จึงมีกิจกรรมให้ทำเยอะทั้งภายในวัดและนอกวัด เริ่มแต่เช้า ฉันเช้าเสร็จ อาจารย์เจ้าอาวาสบอกว่า จะมีรถมารับไปบิณฑบาตที่สมาคมจีน จำชื่อไม่ได้ ไปถึงที่สมาคม ผู้คนเต็มไปหมด มีพระมาถึงก่อนหกเจ็ดรูป ชาวจีนใส่บาตรกันก่อน เราไปกันสองรูปได้ปัจจัยแยะอาหารแห้ง ห้าถุงใหญ่ แสดงถึงความเจริญและความสามัคคีของชาวจีนในมาเลเซีย
มื้อเพลเป็นอาหารเจที่สมาคมจีน ข้าพเจ้าคุยกับท่านวิทยาถึงความเจริญของมาเลเซียซึ่งล้ำหน้าไทยหลายสถาน เห็นได้ง่ายจากสาธารณูปการ ถนนหนทาง ความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินของประชาชน อาจจะมีกฏหมายที่เข้มงวด บังคับใช้อย่างจริงจัง
รถพาเรามาถึงวัด ขณะแล่นเข้าสู่ภายในวัด เห็นรถหลายคันจอดอยู่ ก่อนจะไปรับบิณบาตที่สมาคมจีน 2 รูป ก็ยังสงสัยว่า ทำไมอาจารย์เจ้าวาสให้เราสองรูปไปกันเอง ทั้งที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก เพราะยังใหม่ มาอยู่แค่สี่ห้าวันเท่านั้น พอเห็นรถจอดหลายคันจึงเข้าใจทันทีว่า เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสต้องคอยต้อนรับญาติโยมที่จะมาทำบุญในวันวิสาขบูชาวันนี้
ท่านไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต เพียงสวดมนต์ไหว้พระและเวียนเทียน เท่านั้น แต่คนก็มาวัดอุดหนาฝาครั่ง รถจอดเออ กันเต็มวัด
บ่ายสอง สอนหนังสือเด็ก ๆ
ห้าโมงเย็น ทำไม้ถูพื้นอันใหญ่ เหมือนวัดป่า เอาไม้มาทำเป็นตัวที ประจวบกับเห็นพื้นที่วัดและเสนาสนะค่อนข้างกว้าง แต่ผู้ที่จะดูแลรักษาน้อย อาจารย์เจ้าอาวาสก็มิได้บอกใครทำ ใครสมัครใจทำก็ทำ ท่านขยัน สมกับเป็นสมภาร แบกรับภาระหน้าที่ทั้งวัดโดยแท้จริง ข้าพเจ้าเห็นดังนั้นจึงคิดไอเดีย ทำไม้ถูกพื้นอันใหญ่ หาไม้ ตะปู เลื่อย ก่อร่างสร้างเป็นรูปไม้ขึ้นมา ต่างคนต่างไม่ถนัดงานช่าง ท่านวิทยาอวดว่าก่อนจะบวชเคยเป็นช่าง ทำงานก่อสร้าง เรื่องพวกนี้ถนัด แต่ข้าพเจ้าอดขำไม่ได้ เพราะท่านตีตะปูไม่สมกับช่างก่อสร้างเลย คือตีถูกตีผิด ตะปูบูดเบี้ยวหลายดอก กว่าจะเสร็จแต่ละอัน
ทำไม้ถูกพื้นทั้งหมด 3 ไม้ ข้าพเจ้าเอาไปทดลองถูกพื้นโบสถ์ซึ่งมีพื้นที่กว้าง โอ่อ่า โล่งโถง ลมพัดถ่ายเทสะดวก เย็นสบาย วันนี้ตอนค่ำคนจะมาเวียนเทียนก็เลยถือโอกาสถู ทำความสะอาด
20.30น. มีชาวบ้านทั้งใกล้ ไกล มาร่วมพิธีในวันวิสาขบูชากันมาก ผิดกับที่ข้าพเจ้าคิดคาดการณ์ไว้เลย และที่สำคัญ เวลาอาจารย์เจ้าอาวาสเทศน์ชาวบ้านตั้งใจฟังมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบารมีของท่านที่สั่งสอนดี หรือประเพณีอันดีงามท้องถิ่นแถวนี้อยู่แล้ว
กว่าจะได้เวียนเทียนก็สี่ทุ่ม หรือตีสิบ (ภาษาท้องถิ่นเรียก)ชาวบ้านจึงต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
คืนนี้ บรรยากาศดี ฟ้าโปร่ง พระจันทร์เพ็ญเด่นท่ามกลางท้องฟ้าอันไร้เมฆหมอกบดบัง มีแสงดาวน้อยสรัสแซมเป็นจุดๆ
ข้าพเจ้าเดินเข้าห้อง พร้อมเอ่ยวาจาตามประสาคนไกลบ้านพลัดถิ่นว่า “ ผ่านไป อีกหนึ่งวัน”